อริยญายธรรม
คหบดี !
อริยญายธรรมเป็นธรรมที่อริยสาวก
เห็นแล้วด้วยดี แทงตลอดแล้วด้วยดี ด้วยปัญญานั้นเป็นอย่างไรเล่า ?
คหบดี !
อริยสาวกในกรณีนี้
ย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ อย่างนี้ว่า…
ด้วยอาการอย่างนี้
เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมี
เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้นเมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี
เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป
ได้แก่สิ่งเหล่านี้ คือเพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย
จึงมีสังขารทั้งหลายเพราะมีสังขารเป็นปัจจัย
จึงมีวิญญาณเพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย
จึงมีนามรูปเพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย
จึงมีสฬายตนะเพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย
จึงมีผัสสะเพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย
จึงมีเวทนาเพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย
จึงมีตัณหาเพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย
จึงมีอุปาทานเพราะมีอุปาทานปัจจัย
จึงมีภพเพราะมีภพเป็นปัจจัย
จึงมีชาติเพราะมีชาติเป็นปัจจัย
ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส
อุปายาสะ ทั้งหลายจึงเกิดขึ้นครบถ้วนความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้
ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้
เพราะความจางคลายดับไป
โดยไม่เหลือแห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว
จึงมีความดับแห่งสังขารเพราะมีความดับแห่งสังขาร
จึงมีความดับแห่งวิญญาณเพราะมีความดับแห่งวิญญาณ
จึงมีความดับแห่งนามรูปเพราะมีความดับแห่งนามรูป
จึงมีความดับแห่งสฬายตนะเพราะมีความดับแห่งสฬายตนะ
จึงมีความดับแห่งผัสสะเพราะมีความดับแห่งผัสสะ
จึงมีความดับแห่งเวทนาเพราะมีความดับแห่งเวทนา
จึงมีความดับแห่งตัณหาเพราะมีความดับแห่งตัณหา
จึงมีความดับแห่งอุปาทานเพราะมีความดับแห่งอุปาทาน
จึงมีความดับแห่งภพเพราะมีความดับแห่งภพ
จึงมีความดับแห่งชาติเพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล
ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส
อุปายาสะ ทั้งหลายจึงดับสิ้นความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้
ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้…
คหบดี !
อริยญายธรรมนี้แล เป็นสิ่งที่อริยสาวก
เห็นแล้วด้วยดี แทงตลอดแล้วด้วยดี ด้วยปัญญา
( บาลี – ทสก.-เอกาทสก. อํ. ๒๔/๑๙๕-๑๙๘/๙๒ )
เทียบเคียงพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ กดที่นี้