อริยสัจสี่
ภิกษุทั้งหลาย !
ความจริงอันประเสริฐมีสี่อย่างเหล่านี้สี่อย่างเหล่าไหนเล่า ?
สี่อย่าง คือ
ความจริงอันประเสริฐ คือ ทุกข์ความจริงอันประเสริฐ
คือ เหตุให้เกิดทุกข์ความจริงอันประเสริฐ
คือ ความดับไม่เหลือของทุกข์และความจริงอันประเสริฐ
คือ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์
ภิกษุทั้งหลาย !
ความจริงอันประเสริฐ คือ ทุกข์เป็นอย่างไรเล่า ?
ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นถือมั่นห้าอย่าง
คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณภิกษุทั้งหลาย !
อันนี้เรากล่าวว่า
ความจริงอันประเสริฐ คือ ทุกข์
ภิกษุทั้งหลาย !
ความจริงอันประเสริฐ คือ เหตุให้เกิดทุกข์เป็นอย่างไรเล่า ?
ตัณหาอันใดนี้ ที่เป็นเครื่องนำให้มีการเกิดอีก
อันประกอบด้วยความกำหนัด
เพราะอำนาจแห่งความเพลิน
มักทำให้เพลินอย่างยิ่งในอารมณ์นั้น ๆ ได้แก่( กามตัณหา )
ตัณหาในกาม( ภวตัณหา )
ตัณหาในความมีความเป็น( วิภวตัณหา )
ตัณหาในความไม่มีไม่เป็นภิกษุทั้งหลาย !
อันนี้เรากล่าวว่า
ความจริงอันประเสริฐ คือ เหตุให้เกิดทุกข์
ภิกษุทั้งหลาย !
ความจริงอันประเสริฐ
คือ ความดับไม่เหลือของทุกข์เป็นอย่างไรเล่า ?
ความดับสนิทเพราะความจางคลายดับไป
โดยไม่เหลือของตัณหานั้น ความสละลงเสีย
ความสลัดทิ้งไป ความปล่อยวาง
ความไม่อาลัยถึงซึ่งตัณหานั้นเอง อันใดภิกษุทั้งหลาย !
อันนี้เรากล่าวว่า ความจริงอันประเสริฐ
คือ ความดับไม่เหลือของทุกข์
ภิกษุทั้งหลาย !
ความจริงอันประเสริฐ
คือ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์เป็นอย่างไรเล่า ?
หนทางอันประเสริฐ
ประกอบด้วยองค์แปดนี้นั่นเอง ได้แก่สิ่งเหล่านี้( ความเห็นชอบ )
สัมมาทิฏฐิ( ความดำริชอบ )
สัมมาสังกัปปะ( การพูดจาชอบ )
สัมมาวาจา( การงานชอบ )
สัมมากัมมันตะ( การเลี้ยงชีพชอบ )
สัมมาอาชีวะ( ความเพียรชอบ )
สัมมาวายามะ( ความระลึกชอบ )
สัมมาสติ( ความตั้งใจมั่นชอบ )
สัมมาสมาธิภิกษุทั้งหลาย !
อันนี้เรากล่าวว่า ความจริงอันประเสริฐ
คือ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์
ภิกษุทั้งหลาย !
เหล่านี้แล คือ ความจริงอันประเสริฐสี่อย่าง…
ภิกษุทั้งหลาย !
เพราะเหตุนั้นในกรณีนี้พวกเธอพึงทำความเพียร
เพื่อให้รู้ตามเป็นจริงว่า นี้เป็นทุกข์นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์
นี้เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์
นี้เป็นทางดำเนิน
ให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ดังนี้เถิด
( บาลี – มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๓๔-๕๓๕/๑๖๗๘-๑๖๘๓ )
เทียบเคียงพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ กดที่นี้