บุคคลที่มีเชื้อเหลือเก้าจำพวก
เช้าวันหนึ่ง
ท่านพระสารีบุตรครองจีวรถือบาตร
เข้าไปบิณฑบาตในนครสาวัตถีท่านเห็นว่าเวลายังเช้าเกินไปสำหรับการบิณฑบาต
จึงแวะเข้าไปในอารามของพวกปริพาชกลัทธิอื่น
ได้ทักทายปราศรัยกันตามธรรมเนียมแล้วนั่งลง ณ ส่วนข้างหนึ่ง
ก็ในเวลานั้นแล พวกปริพาชกทั้งหลายนั้น
กำลังยกข้อความขึ้น กล่าวโต้เถียงกันอยู่
ถึงเรื่องบุคคลใดใครก็ตามที่ยังมีเชื้อเหลือ
ถ้าตายแล้วย่อมไม่พ้นเสีย จากนรก
จากกำเนิดเดรัจฉาน จากวิสัยแห่งเปรต
จากอบาย ทุคติ วินิบาตไปได้เลยสักคนเดียว ดังนี้ท่านพระสารีบุตรไม่แสดงว่าเห็นด้วย
และไม่คัดค้านข้อความของปริพาชกเหล่านั้นลุกจากที่นั่งไปโดยคิดว่า
ทูลถวายพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วจักได้ทราบความข้อนี้ครั้นกลับจากบิณฑบาตภายหลังอาหารแล้ว
จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
กราบทูลถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนเช้าทุกประการพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า
…
สารีบุตร !
พวกปริพาชกลัทธิอื่นยังอ่อนความรู้ ไม่ฉลาดจักรู้ได้อย่างไรกันว่า
ใครมีเชื้อเหลือ ใครไม่มีเชื้อเหลือสารีบุตร !
บุคคลที่มีเชื้อเหลือเก้าจำพวก
ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้แม้ตายไปก็พ้นแล้วจากนรก
พ้นแล้วจากกำเนิดเดรัจฉาน
พ้นแล้วจากวิสัยแห่งเปรต
พ้นแล้วจากอบาย ทุคติ วินิบาตบุคคลเก้าจำพวกเหล่านั้นเป็นอย่างไรเล่า ?
เก้าจำพวก คือ
( ๑ )
สารีบุตร !
บุคคลบางคนในกรณีนี้เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล
ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ แต่
ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญาเพราะทำสังโยชน์ห้าอย่าง
ในเบื้องต้นให้สิ้นไปบุคคลนั้นเป็นอนาคามี
ผู้จะปรินิพพานในระหว่างอายุยังไม่ทันถึงกึ่ง…
สารีบุตร !
นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่หนึ่งที่เมื่อตายก็พ้นแล้วจากนรก
จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต
( ๒ )
สารีบุตร !
บุคคลบางคนในกรณีนี้เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล
ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ แต่
ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญาเพราะทำสังโยชน์ห้าอย่าง
ในเบื้องต้นให้สิ้นไปบุคคลนั้นเป็นอนาคามี
ผู้จะปรินิพพานเมื่ออายุพ้นกึ่งแล้วจวนถึงที่สุด…
สารีบุตร !
นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่สองที่เมื่อตายก็พ้นแล้วจากนรก
จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต
( ๓ )
สารีบุตร !
บุคคลบางคนในกรณีนี้เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล
ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ แต่
ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญาเพราะทำสังโยชน์ห้าอย่าง
ในเบื้องต้นให้สิ้นไปบุคคลนั้นเป็นอนาคามี
ผู้จะปรินิพพานโดยไม่ต้องใช้ความเพียรเรี่ยวแรง…
สารีบุตร !
นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่สามที่เมื่อตายก็พ้นแล้วจากนรก
จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต
( ๔ )
สารีบุตร !
บุคคลบางคนในกรณีนี้เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล
ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ แต่
ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญาเพราะทำสังโยชน์ห้าอย่าง
ในเบื้องต้นให้สิ้นไปบุคคลนั้นเป็นอนาคามี
ผู้จะปรินิพพานโดยต้องใช้ความเพียรเรี่ยวแรง…
สารีบุตร !
นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่สี่ที่เมื่อตายก็พ้นแล้วจากนรก
จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต
( ๕ )
สารีบุตร !
บุคคลบางคนในกรณีนี้เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล
ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ แต่
ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญาเพราะทำสังโยชน์ห้าอย่าง
ในเบื้องต้นให้สิ้นไปบุคคลนั้นเป็นอนาคามี
ผู้มีกระแสในเบื้องบนไปถึงอกนิฏฐภพ…
สารีบุตร !
นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ห้าที่เมื่อตายก็พ้นแล้วจากนรก
จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต
( ๖ )
สารีบุตร !
บุคคลบางคนในกรณีนี้เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล แต่
ทำได้พอประมาณในส่วนสมาธิ
ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญาเพราะทำสังโยชน์สามอย่างให้สิ้นไป
และเพราะมีราคะ โทสะ โมหะ เบาบางน้อยลงบุคคลนั้นเป็นสกทาคามี
ยังจะมาสู่เทวโลกนี้อีกครั้งเดียวเท่านั้น
แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้…
สารีบุตร !
นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่หกที่เมื่อตายก็พ้นแล้วจากนรก
จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต
( ๗ )
สารีบุตร !
บุคคลบางคนในกรณีนี้เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล แต่
ทำได้พอประมาณในส่วนสมาธิ
ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญาเพราะทำสังโยชน์สามอย่างให้สิ้นไป
บุคคลนั้นเป็นโสดาบันผู้มีพืชหนเดียว คือ
จักเกิดในภพแห่งมนุษย์อีกหนเดียวเท่านั้น
แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้…
สารีบุตร !
นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่เจ็ดที่เมื่อตายก็พ้นแล้วจากนรก
จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต
( ๘ )
สารีบุตร !
บุคคลบางคนในกรณีนี้เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล แต่
ทำได้พอประมาณในส่วนสมาธิ
ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญาเพราะทำสังโยชน์สามอย่างให้สิ้นไป
บุคคลผู้นั้นเป็นโสดาบัน
ผู้ต้องท่องเที่ยวไปสู่สกุลอีกสองหรือสามครั้ง
แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้…
สารีบุตร !
นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่แปดที่เมื่อตายก็พ้นแล้วจากนรก
จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต
( ๙ )
สารีบุตร !
บุคคลบางคนในกรณีนี้เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล แต่
ทำได้พอประมาณในส่วนสมาธิ
ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญาเพราะทำสังโยชน์สามอย่างให้สิ้นไป
บุคคลนั้นเป็นโสดาบัน
ผู้ต้องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์
อีกเจ็ดครั้งเป็นอย่างมาก
แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้…
สารีบุตร !
นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่เก้าที่เมื่อตายก็พ้นแล้วจากนรก
จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต
สารีบุตร !
ปริพาชกลัทธิอื่นยังอ่อนความรู้ ไม่ฉลาดจักรู้ได้อย่างไรกันว่า
ใครมีเชื้อเหลือ ใครไม่มีเชื้อเหลือสารีบุตร !
บุคคลเหล่านี้แลที่มีเชื้อเหลือเก้าจำพวกเมื่อตายไปก็พ้นแล้วจากนรก
จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต…
สารีบุตร !
ธรรมปริยายข้อนี้
ยังไม่เคยแสดงให้ปรากฏแก่หมู่ภิกษุ ภิกษุณี
อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย มาแต่กาลก่อนข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
เพราะเราเห็นว่า
ถ้าเขาเหล่านั้นได้ฟังธรรมปริยายข้อนี้แล้ว
จักพากันเกิดความประมาทอนึ่งเล่า ธรรมปริยายเช่นนี้
เป็นธรรมปริยายที่เรากล่าว
ต่อเมื่อถูกถามเจาะจงเท่านั้น ดังนี้แล
( บาลี – สตฺตก.-อฏฺฐก.-นวก. อํ. ๒๓/๓๙๑-๓๙๖/๒๑๖ )
เทียบเคียงพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ กดที่นี้