เหตุแห่งการเกิดในครรภ์
เหตุแห่งการดำรงอยู่ของชีวิต
ภิกษุทั้งหลาย !
การปฏิสนธิของสัตว์ในครรภ์ย่อมมีได้
เพราะการประชุมพร้อมของสิ่งสามอย่างในสัตว์โลกนี้
แม้มารดาและบิดาเป็นผู้อยู่ร่วมกัน
แต่มารดายังไม่ผ่านการมีระดู
และคันธัพพะก็ยังไม่เข้าไปตั้งอยู่โดยเฉพาะด้วย
การปฏิสนธิของสัตว์ในครรภ์ ก็ยังมีขึ้นไม่ได้ในสัตว์โลกนี้
แม้มารดาและบิดาเป็นผู้อยู่ร่วมกัน
และมารดาก็ผ่านการมีระดู
แต่คันทัพพะของเขาไม่เข้าไปตั้งอยู่โดยเฉพาะ
การปฏิสนธิของสัตว์ในครรภ์ ก็ยังมีขึ้นไม่ได้ภิกษุทั้งหลาย !
แต่เมื่อใดมารดาและบิดาเป็นผู้อยู่ร่วมกันด้วย
มารดาก็ผ่านการมีระดูด้วย
คันธัพพะก็เข้าไปตั้งอยู่โดยเฉพาะด้วย
การปฏิสนธิของสัตว์ในครรภ์ ย่อมสำเร็จได้
เพราะการประชุมพร้อมกันของสิ่งสามอย่าง
ด้วยอาการอย่างนี้
ภิกษุทั้งหลาย !
มารดาย่อมบริหารสัตว์ที่เกิดในครรภ์นั้น
ด้วยความเป็นห่วงอย่างใหญ่หลวง
เป็นภาระหนักตลอดเวลาเก้าเดือนบ้าง
สิบเดือนบ้างภิกษุทั้งหลาย !
เมื่อล่วงไปเก้าเดือนหรือสิบเดือน
มารดาย่อมคลอดบุตรนั้น
ด้วยความเป็นห่วงอย่างใหญ่หลวงเป็นภาระหนัก ได้เลี้ยงซึ่งบุตร
อันเกิดแล้วนั้นด้วยโลหิตของตนเองภิกษุทั้งหลาย !
ในอริยวินัยคำว่า โลหิต นี้
หมายถึงน้ำนมของมารดา
ภิกษุทั้งหลาย !
ทารกนั้นเจริญวัยขึ้น
มีอินทรีย์อันเจริญเต็มที่แล้ว
เล่นของเล่นสำหรับเด็ก เช่นเล่นไถน้อย ๆ
เล่นหม้อข้าวหม้อแกง
เล่นของเล่นชื่อโมกขจิกะ
เล่นกังหันลมน้อย ๆ
เล่นตวงของด้วยเครื่องตวงที่ทำด้วยใบไม้
เล่นรถน้อย ๆ เล่นธนูน้อย ๆ…
ภิกษุทั้งหลาย !
ทารกนั้นครั้นเจริญวัยขึ้นแล้ว
มีอินทรีย์อันเจริญเต็มที่แล้ว
เป็นผู้เอิบอิ่มเพียบพร้อมด้วยกามคุณห้าให้เขาบำเรออยู่
ทางตาด้วยรูป
ทางหูด้วยเสียง
ทางจมูกด้วยกลิ่น
ทางลิ้นด้วยรส
และทางกายด้วยโผฏฐัพพะซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ปรารถนา
น่ารักใคร่ น่าพอใจ
เป็นที่ ยวนตา ยวนใจให้รัก
เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่
เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดย้อมใจ
และเป็นที่ตั้งแห่งความรัก
ทารกนั้น
ครั้นเห็นรูปด้วยตาแล้วย่อมกำหนัดยินดีในรูป
ที่ยั่วยวนให้เกิดความรักย่อมขัดใจในรูป
ที่ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความรักไม่เป็นผู้ตั้งไว้ซึ่งสติ อันเป็นไปในกาย
มีใจเป็นอกุศล ไม่รู้ตามที่เป็นจริง
ซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ
อันเป็นที่ดับไม่เหลือแห่งธรรม
อันเป็นบาปอกุศลทั้งหลาย
ทารกนั้น
ครั้นได้ยินเสียงด้วยหูแล้วย่อมกำหนัดยินดีในเสียง
ที่ยั่วยวนให้เกิดความรักย่อมขัดใจในเสียง
ที่ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความรักไม่เป็นผู้ตั้งไว้ซึ่งสติ อันเป็นไปในกาย
มีใจเป็นอกุศล ไม่รู้ตามที่เป็นจริง
ซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ
อันเป็นที่ดับไม่เหลือแห่งธรรม
อันเป็นบาปอกุศลทั้งหลาย
ทารกนั้น
ครั้นได้ดมกลิ่นด้วยจมูกแล้วย่อมกำหนัดยินดีในกลิ่น
ที่ยั่วยวนให้เกิดความรักย่อมขัดใจในกลิ่น
ที่ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความรักไม่เป็นผู้ตั้งไว้ซึ่งสติ อันเป็นไปในกาย
มีใจเป็นอกุศล ไม่รู้ตามที่เป็นจริง
ซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ
อันเป็นที่ดับไม่เหลือแห่งธรรม
อันเป็นบาปอกุศลทั้งหลาย
ทารกนั้น
ครั้นได้ลิ้มรสด้วยลิ้นแล้วย่อมกำหนัดยินดีในรส
ที่ยั่วยวนให้เกิดความรักย่อมขัดใจในรส
ที่ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความรักไม่เป็นผู้ตั้งไว้ซึ่งสติ อันเป็นไปในกาย
มีใจเป็นอกุศล ไม่รู้ตามที่เป็นจริง
ซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ
อันเป็นที่ดับไม่เหลือแห่งธรรม
อันเป็นบาปอกุศลทั้งหลาย
ทารกนั้น
ครั้นได้ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกายแล้วย่อมกำหนัดยินดีในโผฏฐัพพะ
ที่ยั่วยวนให้เกิดความรักย่อมขัดใจในโผฏฐัพพะ
ที่ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความรักไม่เป็นผู้ตั้งไว้ซึ่งสติ อันเป็นไปในกาย
มีใจเป็นอกุศล ไม่รู้ตามที่เป็นจริง
ซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ
อันเป็นที่ดับไม่เหลือแห่งธรรม
อันเป็นบาปอกุศลทั้งหลาย
ทารกนั้น
ครั้นรู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจแล้วย่อมกำหนัดยินดีในธรรมารมณ์
ที่ยั่วยวนให้เกิดความรักย่อมขัดใจในธรรมารมณ์
ที่ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความรักไม่เป็นผู้ตั้งไว้ซึ่งสติ อันเป็นไปในกาย
มีใจเป็นอกุศล ไม่รู้ตามที่เป็นจริง
ซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ
อันเป็นที่ดับไม่เหลือแห่งธรรม
อันเป็นบาปอกุศลทั้งหลาย
กุมารน้อยนั้น
เมื่อประกอบด้วยความยินดี
และความยินร้าย อยู่เช่นนี้แล้วเสวยเฉพาะซึ่งเวทนาใด ๆ
เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม
ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขก็ตาม
เขาย่อมเพลิดเพลิน พร่ำสรรเสริญ
เมาหมกอยู่ซึ่งเวทนานั้น ๆเมื่อเป็นอยู่เช่นนั้น
ความเพลินย่อมบังเกิดขึ้นความเพลินใดในเวทนาทั้งหลาย มีอยู่
ความเพลินอันนั้นเป็นอุปาทานเพราะอุปาทานของเขานั้นเป็นปัจจัย
จึงเกิดมีภพเพราะภพเป็นปัจจัย
จึงเกิดมีชาติเพราะชาติเป็นปัจจัย
ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส
และอุปายาส จึงเกิดมีพร้อมความก่อขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้
ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างนี้แล
( บาลี – มู. ม. ๑๒/๔๘๗-๔๘๙/๔๕๒-๔๕๓ )
เทียบเคียงพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ กดที่นี้