คนเรารู้ได้ทีละความรู้สึก
อัคคิเวสสนะ
เวทนา ๓ อย่างเหล่านี้ คือ
สุขเวทนา
ทุกขเวทนา
อทุกขมสุขเวทนาอัคคิเวสสนะ
สมัยใด ได้เสวยสุขเวทนา
ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยทุกขเวทนา
ไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา
ได้เสวยแต่สุขเวทนาเท่านั้นในสมัยใด
ได้เสวยทุกขเวทนา
ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา
ไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา
ได้เสวยแต่ทุกขเวทนาเท่านั้นในสมัยใด
ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา
ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา
ไม่ได้เสวยทุกขเวทนา
ได้เสวยแต่อทุกขมสุขเวทนาเท่านั้น
อัคคิเวสสนะสุขเวทนาไม่เที่ยง
อันปัจจัยปรุงแต่งขึ้น
อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น
มีความสิ้นไป เสื่อมไป คลายไป
ดับไปเป็นธรรมดาแม้ทุกขเวทนาก็ไม่เที่ยง
อันปัจจัยปรุงแต่งขึ้น
อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น
มีความสิ้นไป เสื่อมไป คลายไป
ดับไปเป็นธรรมดาแม้อทุกขมสุขเวทนาก็ไม่เที่ยง
อันปัจจัยปรุงแต่งขึ้น
อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น
มีความสิ้นไป เสื่อมไป คลายไป
ดับไปเป็นธรรมดา
อัคคิเวสสนะ
อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว
เมื่อเห็นอยู่อย่างนี้ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในสุขเวทนา
ทั้งในทุกขเวทนา
ทั้งในอทุกขมสุขเวทนาเมื่อเบื่อหน่าย
ย่อมคลายกำหนัดเพราะคลายกำหนัด
ย่อมหลุดพ้นเมื่อหลุดพ้นแล้ว
ก็มีญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้วย่อมรู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว
พรหมจรรย์อยู่จบแล้วกิจที่ควรทำได้สำเร็จแล้ว
กิจอื่นที่ต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี…
อัคคิเวสสนะ
ภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนี้แล
ย่อมไม่วิวาทแก่งแย่งกับใคร ๆ
โวหารใดที่ชาวโลกพูดกัน
ก็พูดไปตามโวหารนั้น
แต่ไม่ยึดมั่นด้วยทิฎฐิ
( บาลี – ม. ม. ๑๓/๒๖๗-๒๖๘/๒๗๓ )
เทียบเคียงพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ กดที่นี้