กาลามสูตร ( ฝ่ายอกุศล )
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !
มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่งมาสู่เกสปุตตนิคมนี้
แสดงวาทะอันเป็นลัทธิแห่งตน
กล่าวบริภาษข่มขี่ครอบงำย่ำยีวาทะ
อันเป็นลัทธิ อันเป็นของสมณพราหมณ์เหล่าอื่น
แม้สมณพราหมณ์พวกอื่นมาอีก ก็ยกย่องลัทธิของตน
ข่มขี่ลัทธิของสมณพราหมณ์เหล่าอื่นเช่นเดียวกันอีกพวกข้าพระองค์มีความข้องใจ
มีความสงสัยว่า สมณพราหมณ์เหล่านั้น
พวกไหนพูดจริง พวกไหนพูดเท็จ พระเจ้าข้า !กาลามเอ๋ย !
ควรแล้วที่ท่านจะข้องใจ
ควรแล้วที่ท่านจะสงสัย
ความสงสัยของท่านเกิดแล้วในฐานะที่ควรข้องใจ
( ฝ่ายอกุศล )กาลามทั้งหลายเอ๋ย !
มาเถิดท่านทั้งหลายอย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
ฟังตาม ๆ กันมา ( อนุสฺสว )อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
กระทำตาม ๆ กันมา ( ปรมฺปร )อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
เล่าลือกันอยู่ ( อิติกิร )อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
มีที่อ้างในปิฎก ( ปิฏกสมฺปทาน )อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
การใช้เหตุผลทางตรรกคาดคะเน ( ตกฺกเหตุ )อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
การใช้เหตุผลทางนัยะสันนิฏฐาน ( นยเหตุ )อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
การตรึกตามอาการ ( อาการปริวิตกฺก )อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
ทนต่อการเพ่งแห่งทิฏฐิ ( ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติ )อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
ฟังดูน่าเชื่อ ( ภพฺพรูปตา )อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
สมณะผู้พูดเป็นครูของตน ( สมโณโน ครุ )…
กาลามทั้งหลาย !
เมื่อใดท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนเองว่าธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล
ธรรมเหล่านี้มีโทษ ธรรมเหล่านี้วิญญูชนติเตียน
ธรรมเหล่านี้กระทำถึงมาตรฐานของมันแล้ว
เป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ดังนี้แล้วเมื่อนั้นท่านพึงละธรรมเหล่านั้นเสีย
กาลามทั้งหลาย !
ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไรความโลภเกิดขึ้นในบุคคลแล้ว
เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูล หรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ?เพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !
บุคคลนั้นโลภแล้ว
ความโลภครอบงำแล้ว ความโลภกลุ้มรุมจิตแล้ว
ย่อมฆ่าสัตว์บ้าง ย่อมลักทรัพย์บ้าง
ย่อมล่วงเกินภรรยาผู้อื่นบ้าง
พูดเท็จบ้าง ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้นบ้าง
ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความทุกข์
ไม่เกื้อกูลตลอดกาลนานมิใช่หรือ ?อย่างนั้น พระเจ้าข้า !
…
กาลามทั้งหลาย !
ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไรโทสะเกิดขึ้นในบุคคลแล้ว
เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูล หรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ?เพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !
บุคคลนั้นมีโทสะแล้ว
โทสะครอบงำแล้ว โทสะกลุ้มรุมจิตแล้ว
ย่อมฆ่าสัตว์บ้าง ย่อมลักทรัพย์บ้าง
ย่อมล่วงเกินภรรยาผู้อื่นบ้าง
พูดเท็จบ้าง ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้นบ้าง
ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความทุกข์
ไม่เกื้อกูลตลอดกาลนานมิใช่หรือ ?อย่างนั้น พระเจ้าข้า !
…
กาลามทั้งหลาย !
ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไรโมหะเกิดขึ้นในบุคคลแล้ว
เกิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูล หรือมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ?เพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล พระเจ้าข้า !
บุคคลนั้นมีโมหะแล้ว
โมหะครอบงำแล้ว โมหะกลุ้มรุมจิตแล้ว
ย่อมฆ่าสัตย์บ้าง ย่อมลักทรัพย์บ้าง
ย่อมล่วงเกินภรรยาผู้อื่นบ้าง
พูดเท็จบ้าง ชักชวนผู้อื่นในการกระทำเช่นนั้นบ้าง
ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อความทุกข์
ไม่เกื้อกูลตลอดกาลนานมิใช่หรือ ?อย่างนั้น พระเจ้าข้า !
…
กาลามทั้งหลาย !
ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไรธรรมทั้งหลายเหล่านี้
เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล ?เป็นอกุศล พระเจ้าข้า !
มีโทษหรือไม่มีโทษ ?
มีโทษ พระเจ้าข้า !
วิญญูชนติเตียนหรือวิญญูชนสรรเสริญ ?
วิญญูชนติเตียน พระเจ้าข้า !
เมื่อประพฤติกระทำเต็มตามมาตรฐานของมันแล้ว
เป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูลหรือไม่
หรือว่าในเรื่องนี้ท่านมีความเห็นอย่างไร ?เมื่อประพฤติกระทำเต็มตามมาตรฐานของมันแล้ว
เป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล
ในเรื่องนี้พวกข้าพระองค์มีความเห็นอย่างนี้ พระเจ้าข้า !
กาลามทั้งหลาย !
เพราะอาศัยคำที่เราได้กล่าวไว้แล้วนั้น
เราจึงกล่าวข้อความที่กล่าวว่ากาลามทั้งหลายเอ๋ย !
มาเถิดท่านทั้งหลายอย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
ฟังตาม ๆ กันมา ( อนุสฺสว )อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
กระทำตาม ๆ กันมา ( ปรมฺปร )อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
เล่าลือกันอยู่ ( อิติกิร )อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
มีที่อ้างในปิฎก ( ปิฏกสมฺปทาน )อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
การใช้เหตุผลทางตรรกคาดคะเน ( ตกฺกเหตุ )อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
การใช้เหตุผลทางนัยะสันนิฏฐาน ( นยเหตุ )อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
การตรึกตามอาการ ( อาการปริวิตกฺก )อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
ทนต่อการเพ่งแห่งทิฏฐิ ( ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติ )อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
ฟังดูน่าเชื่อ ( ภพฺพรูปตา )อย่าถือเอาว่าจริง เพราะเหตุสักว่า
สมณะผู้พูดเป็นครูของตน ( สมโณโน ครุ )…
กาลามทั้งหลาย !
เมื่อใดท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนเองว่าธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล
ธรรมเหล่านี้มีโทษ ธรรมเหล่านี้วิญญูชนติเตียน
ธรรมเหล่านี้กระทำถึงมาตรฐานของมันแล้ว
เป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ดังนี้แล้วเมื่อนั้นท่านถึงละธรรมเหล่านั้นเสีย ดังนี้
ซึ่งเรากล่าวแล้วเพราะอาศัยเหตุผลข้างต้นนั้น
( บาลี – ติก. อํ. ๒๐/๒๔๑-๒๔๘/๕๐๕ )
เทียบเคียงพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ กดที่นี้