มีความเพลิน คือมีอุปาทาน
ภิกษุทั้งหลาย !
ภิกษุนั้นย่อมเพลิดเพลิน
ย่อมพร่ำสรรเสริญ
ย่อมเมาหมกอยู่ซึ่งรูปเมื่อภิกษุนั้นเพลิดเพลิน
พร่ำสรรเสริญ
เมาหมกอยู่ซึ่งรูป
ความเพลินย่อมเกิดขึ้นความเพลินใดในรูป
ความเพลินนั้นคืออุปาทาน
ภิกษุทั้งหลาย !
ภิกษุนั้นย่อมเพลิดเพลิน
ย่อมพร่ำสรรเสริญ
ย่อมเมาหมกอยู่ซึ่งเวทนาเมื่อภิกษุนั้นเพลิดเพลิน
พร่ำสรรเสริญ
เมาหมกอยู่ซึ่งเวทนา
ความเพลินย่อมเกิดขึ้นความเพลินใดในเวทนา
ความเพลินนั้นคืออุปาทาน
ภิกษุทั้งหลาย !
ภิกษุนั้นย่อมเพลิดเพลิน
ย่อมพร่ำสรรเสริญ
ย่อมเมาหมกอยู่ซึ่งสัญญาเมื่อภิกษุนั้นเพลิดเพลิน
พร่ำสรรเสริญ
เมาหมกอยู่ซึ่งสัญญา
ความเพลินย่อมเกิดขึ้นความเพลินใดในสัญญา
ความเพลินนั้นคืออุปาทาน
ภิกษุทั้งหลาย !
ภิกษุนั้นย่อมเพลิดเพลิน
ย่อมพร่ำสรรเสริญ
ย่อมเมาหมกอยู่ซึ่งสังขารเมื่อภิกษุนั้นเพลิดเพลิน
พร่ำสรรเสริญ
เมาหมกอยู่ซึ่งสังขาร
ความเพลินย่อมเกิดขึ้นความเพลินใดในสังขาร
ความเพลินนั้นคืออุปาทาน
ภิกษุทั้งหลาย !
ภิกษุนั้นย่อมเพลิดเพลิน
ย่อมพร่ำสรรเสริญ
ย่อมเมาหมกอยู่ซึ่งวิญญาณเมื่อภิกษุนั้นเพลิดเพลิน
พร่ำสรรเสริญ
เมาหมกอยู่ซึ่งวิญญาณ
ความเพลินย่อมเกิดขึ้นความเพลินใดในวิญญาณ
ความเพลินนั้นคืออุปาทาน
เพราะอุปาทานของภิกษุนั้นเป็นปัจจัย จึงมีภพ
เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติเพราะมีชาติเป็นปัจจัย
ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส
อุปายาสทั้งหลายจึงเกิดขึ้นครบถ้วนความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้
ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้
( บาลี – ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๘-๑๙/๒๘ )
เทียบเคียงพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ กดที่นี้