บุคคลที่มีกายมิได้อบรม มีจิตมิได้อบรม
ดูกรอัคคิเวสสนะ !
ก็บุคคลที่มีกายมิได้อบรม มีจิตมิได้อบรม
เป็นอย่างไร ?…
ดูกรอัคคิเวสสนะ !
ปุถุชนในโลกนี้ ผู้มิได้สดับมีสุขเวทนาเกิดขึ้น
เขาถูกสุขเวทนากระทบเข้าแล้ว
มีความยินดีนักในสุขเวทนา
และถึงความเป็นผู้ยินดีนักในสุขเวทนาสุขเวทนาของเขานั้นย่อมดับไป
เพราะสุขเวทนาดับ ก็มีทุกขเวทนาเกิดขึ้นเขาถูกทุกขเวทนากระทบเข้าแล้ว
ก็เศร้าโศก ลำบากใจ รำพัน
คร่ำครวญ ตบอก ถึงความหลงใหลแม้สุขเวทนานั้นเกิดขึ้นแก่เขาแล้ว
ก็ครอบงำจิต ตั้งอยู่ เพราะเหตุที่มิได้อบรมกายแม้ทุกขเวทนาเกิดขึ้นแล้ว
ก็ครอบงำจิต ตั้งอยู่ เพราะเหตุที่มิได้อบรมจิต…
ดูกรอัคคิเวสสนะ !
แม้สุขเวทนาเกิดขึ้นแก่ปุถุชนคนใดคนหนึ่ง
ก็ครอบงำจิต ตั้งอยู่ เพราะเหตุที่มิได้อบรมกายแม้ทุกขเวทนาเกิดขึ้น
ก็ครอบงำจิต ตั้งอยู่ เพราะเหตุที่มิได้อบรมจิตทั้งสองอย่าง ดังนี้
ดูกรอัคคิเวสสนะ !
บุคคลที่มีกายมิได้อบรม มีจิตมิได้อบรม
เป็นอย่างนี้แหละ
ดูกรอัคคิเวสสนะ !
ก็บุคคลที่มีกายอบรมแล้ว มีจิตอบรมแล้ว
เป็นอย่างไร ?…
ดูกรอัคคิเวสสนะ !
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ผู้ได้สดับมีสุขเวทนาเกิดขึ้น
เขาถูกสุขเวทนากระทบเข้าแล้ว
ไม่มีความยินดีนักในสุขเวทนา
และไม่ถึงความเป็นผู้ยินดีนักในสุขเวทนาสุขเวทนาของเขานั้นย่อมดับไป
เพราะสุขเวทนาดับ ก็มีทุกขเวทนาเกิดขึ้นเขาถูกทุกขเวทนากระทบเข้าแล้ว
ก็ไม่เศร้าโศก ไม่ลำบากใจ ไม่รำพัน
ไม่คร่ำครวญ ไม่ตบอก ไม่ถึงความหลงไหลแม้สุขเวทนานั้นเกิดขึ้นแก่อริยสาวกแล้ว
ก็ไม่ครอบงำจิต ตั้งอยู่ เพราะเหตุที่ได้อบรมกายแม้ทุกขเวทนาเกิดขึ้น
ก็ไม่ครอบงำจิต ตั้งอยู่ เพราะเหตุที่ได้อบรมจิต…
ดูกรอัคคิเวสสนะ !
แม้สุขเวทนาเกิดขึ้นแก่อริยสาวกผู้ใดผู้หนึ่ง
ก็ไม่ครอบงำจิต ตั้งอยู่ เพราะเหตุที่ได้อบรมกายแม้ทุกขเวทนาเกิดขึ้น
ก็ไม่ครอบงำจิต ตั้งอยู่ เพราะเหตุที่ได้อบรมจิตทั้งสองอย่างนี้ ดังนี้
ดูกรอัคคิเวสสนะ !
บุคคลที่มีกายอบรมแล้ว มีจิตอบรมแล้ว
เป็นอย่างนี้แหละ…
สัจจกนิครนถ์ทูลว่า
เมื่อเป็นอย่างนี้ข้าพเจ้าเลื่อมใสต่อพระโคดม
เพราะพระโคดมมีกายอบรมแล้ว มีจิตอบรมแล้ว
( บาลี – มู. ม. ๑๒/๔๔๐-๔๔๑/๔๐๙ )
เทียบเคียงพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ กดที่นี้