กรรมที่เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม
ภิกษุทั้งหลาย !
กรรมสี่อย่างเหล่านี้
เรากระทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
แล้วประกาศให้รู้ทั่วกันกรรมสี่อย่าง อย่างไรเล่า ?
ภิกษุทั้งหลาย !
กรรมดำ มีวิบากดำ ก็มีอยู่ภิกษุทั้งหลาย !
กรรมขาว มีวิบากขาว ก็มีอยู่ภิกษุทั้งหลาย !
กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว ก็มีอยู่ภิกษุทั้งหลาย !
กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว
เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม ก็มีอยู่
ภิกษุทั้งหลาย !
กรรมดำ มีวิบากดำ เป็นอย่างไรเล่า ?ภิกษุทั้งหลาย !
บุคคลบางคนในกรณีนี้ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร
อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนย่อมปรุงแต่งวจีสังขาร
อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนย่อมปรุงแต่งมโนสังขาร
อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนครั้นเขาปรุงแต่งสังขารดังนี้แล้ว ย่อมเข้าถึงโลก
อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนผัสสะทั้งหลาย
อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน
ย่อมถูกต้องเขา ผู้เข้าถึงโลก
อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน…
เขาอันผัสสะ
ที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน ถูกต้องแล้วย่อมเสวยเวทนา
ที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน
อันเป็นทุกข์โดยส่วนเดียวดังเช่น พวกสัตว์นรก
ภิกษุทั้งหลาย !
นี้เรียกว่า กรรมดำ มีวิบากดำ
ภิกษุทั้งหลาย !
กรรมขาว มีวิบากขาว เป็นอย่างไรเล่า ?ภิกษุทั้งหลาย !
บุคคลบางคนในกรณีนี้ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร
อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนย่อมปรุงแต่งวจีสังขาร
อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนย่อมปรุงแต่งมโนสังขาร
อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนครั้นเขาปรุงแต่งสังขารดังนี้แล้ว ย่อมเข้าถึงโลก
อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนผัสสะทั้งหลาย
ที่ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน
ย่อมถูกต้องเขา ผู้เข้าถึงโลก
อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน…
เขาอันผัสสะ
ที่ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน ถูกต้องแล้วย่อมเสวยเวทนา
ที่ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน
อันเป็นสุขโดยส่วนเดียวดังเช่น พวกเทพสุภกิณหา
ภิกษุทั้งหลาย !
นี้เรียกว่า กรรมขาว มีวิบากขาว
ภิกษุทั้งหลาย !
กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว
เป็นอย่างไรเล่า ?ภิกษุทั้งหลาย !
บุคคลบางคนในกรณีนี้ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร
อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้างย่อมปรุงแต่งวจีสังขาร
อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้างย่อมปรุงแต่งมโนสังขาร
อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้างครั้นเขาปรุงแต่งสังขารดังนี้แล้ว ย่อมเข้าถึงโลก
อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้างผัสสะทั้งหลาย
ที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
ย่อมถูกต้องเขา ผู้เข้าถึงโลก
อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง…
เขาอันผัสสะ
ที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ถูกต้องแล้วย่อมเสวยเวทนา
ที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
อันเป็นเวทนาที่เป็นสุขและทุกข์เจือกันดังเช่น พวกมนุษย์
พวกเทพบางพวก พวกวินิบาตบางพวกภิกษุทั้งหลาย !
นี้เรียกว่า กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว
ภิกษุทั้งหลาย !
กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว
เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรมนั้น เป็นอย่างไรเล่า ?คือ
( สัมมาทิฏฐิ )
ความเห็นชอบ( สัมมาสังกัปปะ )
ความดำริชอบ( สัมมาวาจา )
วาจาชอบ( สัมมากัมมันตะ )
การงานชอบ( สัมมาอาชีวะ )
อาชีวะชอบ( สัมมาวายามะ )
ความเพียรชอบ( สัมมาสติ )
ความระลึกชอบ( สัมมาสมาธิ )
ความตั้งใจมั่นชอบภิกษุทั้งหลาย !
นี้เรียกว่า กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว
เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม…
ภิกษุทั้งหลาย !
เหล่านี้แล กรรมสี่อย่าง
ที่เราทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
แล้วประกาศให้รู้ทั่วกัน
( บาลี – จตุกฺก. อํ. ๒๑/๓๒๐-๓๒๑/๒๓๗ )
เทียบเคียงพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ กดที่นี้