กระดองของบรรพชิต



ภิกษุทั้งหลาย !

เรื่องเคยมีมาก่อน เต่าตัวหนึ่ง
เที่ยวหากินตามริมธารในตอนเย็น

สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง
ก็เที่ยวหากินตามริมธารในตอนเย็น เช่นเดียวกัน

เต่าตัวนั้นได้เห็นสุนัขจิ้งจอก
ซึ่งเที่ยวหากินแต่ไกล
ครั้นแล้วจึงหดอวัยวะทั้งหลาย มีศีรษะเป็นที่ห้า
เข้าในกระดองของตนเสีย
เป็นผู้ขวนขวายน้อยนิ่งอยู่

แม้สุนัขจิ้งจอกก็ได้เห็นเต่า
ตัวที่เที่ยวหากินนั้นแต่ไกลเหมือนกัน

ครั้นแล้วจึงเดินตรงเข้าไปที่เต่า คอยช่องอยู่ว่า
เมื่อไรหนอ เต่าจักโผล่อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งออก
ในบรรดาอวัยวะทั้งหลาย มีศีรษะเป็นที่ห้า
แล้วจักกัดอวัยวะส่วนนั้นคร่าเอาออกมากินเสีย

ดังนี้



ภิกษุทั้งหลาย !
ตลอดเวลาที่เต่าไม่โผล่อวัยวะออกมา
สุนัขจิ้งจอกก็ไม่ได้โอกาส ต้องหลีกไปเอง

ภิกษุทั้งหลาย !
ฉันใดก็ฉันนั้น มารผู้ใจบาป
ก็คอยช่องต่อพวกเธอทั้งหลาย
ติดต่อไม่ขาดระยะอยู่เหมือนกัน ว่า

ถ้าอย่างไรเราคงได้ช่อง
ไม่ทางตา ก็ทางหู หรือทางจมูก
หรือทางลิ้น หรือทางกาย หรือทางใจ ดังนี้



ภิกษุทั้งหลาย !
เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลาย
จงเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลายอยู่เถิด

ได้เห็นรูปด้วยตา
ได้ฟังเสียงด้วยหู
ได้ดมกลิ่นด้วยจมูก
ได้ลิ้มรสด้วยลิ้น
ได้สัมผัสโผฏฐัพพะด้วยกาย
หรือได้รู้ธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว

จงอย่าได้ถือเอาโดยลักษณะ
ที่เป็นการรวบถือทั้งหมด

อย่าได้ถือเอาโดยลักษณะ
ที่เป็นการแยกถือเป็นส่วน ๆ เลย

สิ่งที่เป็นอกุศลลามก คือ
อภิชฌาและโทมนัสจะพึงไหลไปตามบุคคล
ผู้ไม่สำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
เพราะการไม่สำรวมอินทรีย์ใดเป็นเหตุ

พวกเธอทั้งหลายจงปฏิบัติ
เพื่อการปิดกั้นอินทรีย์นั้นไว้

พวกเธอทั้งหลายจงรักษา
และถึงความสำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เถิด



ภิกษุทั้งหลาย !
ในกาลใดพวกเธอทั้งหลาย
จักเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลายอยู่

ในการนั้นมารผู้ใจบาป
จักไม่ได้ช่องแม้จากพวกเธอทั้งหลาย
และจักต้องหลีกไปเอง

เหมือนสุนัขจิ้งจอก ไม่ได้ช่องจากเต่า
ก็หลีกไปเอง ฉะนั้น

เต่าหดอวัยวะไว้ในกระดอง ฉันใด
ภิกษุพึงตั้ง มโนวิตก ไว้ในกระดอง
กล่าวคือ อารมณ์แห่งกัมมัฏฐาน ฉันนั้น

เป็นผู้ที่ตัณหาและทิฏฐิไม่อิงอาศัยได้
ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
ไม่กล่าวร้ายต่อใครทั้งหมด
เป็นผู้ดับสนิทแล้ว ดังนี้ แล


( บาลี – สฬา. สํ. ๑๘/๒๒๒-๒๒๓/๓๒๐-๓๒๑ )
เทียบเคียงพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ กดที่นี้


Create by buddha-quote.com