ความเกิดและความดับแห่งโลก



พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี

ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
เราจักแสดงความเกิดและความดับแห่งโลก
เธอทั้งหลายจงฟัง

ภิกษุทั้งหลาย !
ก็ความเกิดแห่งโลกเป็นไฉน ?

เพราะอาศัยจักษุและรูป
จึงเกิดจักขุวิญญาณ
ความประชุมแห่งธรรมสามประการ เป็นผัสสะ

เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงเกิดอุปาทาน
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงเกิดภพ
เพราะภพเป็นปัจจัย จึงเกิดชาติ
เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงเกิดชราและมรณะ
โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัสและอุปายาส

ภิกษุทั้งหลาย !
นี้แลเป็นความเกิดแห่งโลก



เพราะอาศัยหูและเสียง
จึงเกิดโสตวิญญาณ
ความประชุมแห่งธรรมสามประการ เป็นผัสสะ

เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงเกิดอุปาทาน
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงเกิดภพ
เพราะภพเป็นปัจจัย จึงเกิดชาติ
เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงเกิดชราและมรณะ
โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัสและอุปายาส

ภิกษุทั้งหลาย !
นี้แลเป็นความเกิดแห่งโลก



เพราะอาศัยจมูกและกลิ่น
จึงเกิดฆานวิญญาณ
ความประชุมแห่งธรรมสามประการ เป็นผัสสะ

เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงเกิดอุปาทาน
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงเกิดภพ
เพราะภพเป็นปัจจัย จึงเกิดชาติ
เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงเกิดชราและมรณะ
โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัสและอุปายาส

ภิกษุทั้งหลาย !
นี้แลเป็นความเกิดแห่งโลก



เพราะอาศัยลิ้นและรส
จึงเกิดชิวหาวิญญาณ
ความประชุมแห่งธรรมสามประการ เป็นผัสสะ

เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงเกิดอุปาทาน
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงเกิดภพ
เพราะภพเป็นปัจจัย จึงเกิดชาติ
เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงเกิดชราและมรณะ
โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัสและอุปายาส

ภิกษุทั้งหลาย !
นี้แลเป็นความเกิดแห่งโลก



เพราะอาศัยกายและโผฏฐัพพะ
จึงเกิดกายวิญญาณ
ความประชุมแห่งธรรมสามประการ เป็นผัสสะ

เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงเกิดอุปาทาน
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงเกิดภพ
เพราะภพเป็นปัจจัย จึงเกิดชาติ
เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงเกิดชราและมรณะ
โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัสและอุปายาส

ภิกษุทั้งหลาย !
นี้แลเป็นความเกิดแห่งโลก



เพราะอาศัยใจและธรรม
จึงเกิดมโนวิญญาณ
ความประชุมแห่งธรรมสามประการ เป็นผัสสะ

เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงเกิดอุปาทาน
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงเกิดภพ
เพราะภพเป็นปัจจัย จึงเกิดชาติ
เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงเกิดชราและมรณะ
โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัสและอุปายาส

ภิกษุทั้งหลาย !
นี้แลเป็นความเกิดแห่งโลก



ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
ก็ความดับแห่งโลกเป็นไฉน ?

เพราะอาศัยจักษุและรูป
จึงเกิดจักขุวิญญาณ
ความประชุมแห่งธรรมสามประการ เป็นผัสสะ

เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา
เพราะตัณหานั้นเทียว
ดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ อุปาทานจึงดับ

เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ
เพราะภพดับ ชาติจึงดับ
เพราะชาติดับ ชราและมรณะ โสกะ
ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัสและอุปายาสจึงดับ

ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้
ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้

ภิกษุทั้งหลาย !
นี้แลเป็นความดับแห่งโลก



เพราะอาศัยหูและเสียง
จึงเกิดโสตวิญญาณ
ความประชุมแห่งธรรมสามประการ เป็นผัสสะ

เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา
เพราะตัณหานั้นเทียว
ดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ อุปาทานจึงดับ

เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ
เพราะภพดับ ชาติจึงดับ
เพราะชาติดับ ชราและมรณะ โสกะ
ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัสและอุปายาสจึงดับ

ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้
ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้

ภิกษุทั้งหลาย !
นี้แลเป็นความดับแห่งโลก



เพราะอาศัยจมูกและกลิ่น
จึงเกิดฆานวิญญาณ
ความประชุมแห่งธรรมสามประการ เป็นผัสสะ

เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา
เพราะตัณหานั้นเทียว
ดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ อุปาทานจึงดับ

เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ
เพราะภพดับ ชาติจึงดับ
เพราะชาติดับ ชราและมรณะ โสกะ
ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัสและอุปายาสจึงดับ

ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้
ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้

ภิกษุทั้งหลาย !
นี้แลเป็นความดับแห่งโลก



เพราะอาศัยลิ้นและรส
จึงเกิดชิวหาวิญญาณ
ความประชุมแห่งธรรมสามประการ เป็นผัสสะ

เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา
เพราะตัณหานั้นเทียว
ดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ อุปาทานจึงดับ

เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ
เพราะภพดับ ชาติจึงดับ
เพราะชาติดับ ชราและมรณะ โสกะ
ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัสและอุปายาสจึงดับ

ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้
ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้

ภิกษุทั้งหลาย !
นี้แลเป็นความดับแห่งโลก



เพราะอาศัยกายและโผฏฐัพพะ
จึงเกิดกายวิญญาณ
ความประชุมแห่งธรรมสามประการ เป็นผัสสะ

เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา
เพราะตัณหานั้นเทียว
ดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ อุปาทานจึงดับ

เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ
เพราะภพดับ ชาติจึงดับ
เพราะชาติดับ ชราและมรณะ โสกะ
ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัสและอุปายาสจึงดับ

ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้
ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้

ภิกษุทั้งหลาย !
นี้แลเป็นความดับแห่งโลก



เพราะอาศัยใจและธรรม
จึงเกิดมโนวิญญาณ
ความประชุมแห่งธรรมสามประการ เป็นผัสสะ

เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงเกิดตัณหา
เพราะตัณหานั้นเทียว
ดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ อุปาทานจึงดับ

เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ
เพราะภพดับ ชาติจึงดับ
เพราะชาติดับ ชราและมรณะ โสกะ
ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัสและอุปายาสจึงดับ

ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้
ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้

ภิกษุทั้งหลาย !
นี้แลเป็นความดับแห่งโลก


( บาลี – นิทาน. สํ. ๑๖/๘๗-๘๙/๑๖๔-๑๖๕ )
เทียบเคียงพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ กดที่นี้


Create by buddha-quote.com