อุปาทานและที่ตั้งแห่งอุปาทาน
( อายตนะ )



ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
เราจักแสดง
ธรรมเป็นเหตุแห่งอุปาทานและอุปาทาน

เธอทั้งหลายจงฟัง

ก็ธรรมที่เป็นเหตุแห่งอุปาทาน
และอุปาทานเป็นไฉน ?

ธรรมที่เป็นเหตุแห่งอุปาทาน
และอุปาทานนั้น คือ



จักษุ เป็นธรรม
อันเป็นเหตุแห่งอุปาทาน

ความกำหนัด
ด้วยอำนาจความพอใจในจักษุนั้น
เป็นอุปาทานในจักษุนั้น



โสตะ เป็นธรรม
อันเป็นเหตุแห่งอุปาทาน

ความกำหนัด
ด้วยอำนาจความพอใจในโสตะนั้น
เป็นอุปาทานในโสตะนั้น



ฆานะ เป็นธรรม
อันเป็นเหตุแห่งอุปาทาน

ความกำหนัด
ด้วยอำนาจความพอใจในฆานะนั้น
เป็นอุปาทานในฆานะนั้น



ชิวหา เป็นธรรม
อันเป็นเหตุแห่งอุปาทาน

ความกำหนัด
ด้วยอำนาจความพอใจในชิวหานั้น
เป็นอุปาทานในชิวหานั้น



กายะ เป็นธรรม
อันเป็นเหตุแห่งอุปาทาน

ความกำหนัด
ด้วยอำนาจความพอใจในกายะนั้น
เป็นอุปาทานในกายะนั้น



มนะ เป็นธรรม
อันเป็นเหตุแห่งอุปาทาน

ความกำหนัด
ด้วยอำนาจความพอใจในมนะนั้น
เป็นอุปาทานในมนะนั้น


( บาลี – สฬา. สํ. ๑๘/๑๑๐-๑๑๑/๑๖๐ )
เทียบเคียงพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ กดที่นี้



ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
เราจักแสดง
ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทานและอุปาทาน

เธอทั้งหลายจงฟังธรรมนั้น

ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
ก็ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน
และอุปาทานเป็นไฉน ?

ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน
และอุปาทานนั้น คือ



รูป ที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ
อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก
ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัดเหล่านี้
เรียกว่าธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน

ความกำหนัด
ด้วยอำนาจความพอใจในรูปนั้น
เป็นตัวอุปาทานในรูปนั้น



เสียง ที่จะพึงรู้แจ้งด้วยโสตะ
อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก
ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัดเหล่านี้
เรียกว่าธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน

ความกำหนัด
ด้วยอำนาจความพอใจในเสียงนั้น
เป็นตัวอุปาทานในเสียงนั้น



กลิ่น ที่จะพึงรู้แจ้งด้วยฆานะ
อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก
ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัดเหล่านี้
เรียกว่าธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน

ความกำหนัด
ด้วยอำนาจความพอใจในกลิ่นนั้น
เป็นตัวอุปาทานในกลิ่นนั้น



รส ที่จะพึงรู้แจ้งด้วยชิวหา
อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก
ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัดเหล่านี้
เรียกว่าธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน

ความกำหนัด
ด้วยอำนาจความพอใจในรสนั้น
เป็นตัวอุปาทานในรสนั้น



โผฏฐัพพะ ที่จะพึงรู้แจ้งด้วยกายะ
อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก
ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัดเหล่านี้
เรียกว่าธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน

ความกำหนัด
ด้วยอำนาจความพอใจในโผฏฐัพพะนั้น
เป็นตัวอุปาทานในโผฏฐัพพะนั้น



ธรรมารมณ์ ที่จะพึงรู้แจ้งด้วยมนะ
อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก
ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัดเหล่านี้
เรียกว่าธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน

ความกำหนัด
ด้วยอำนาจความพอใจในธรรมารมณ์นั้น
เป็นตัวอุปาทานในธรรมารมณ์นั้น


( บาลี – สฬา. สํ. ๑๘/๑๓๖/๑๙๐ )
เทียบเคียงพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ กดที่นี้


Create by buddha-quote.com