เพราะแตกสลาย จึงได้ชื่อว่าโลก
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ที่กล่าวกันว่า โลก โลก ดังนี้
อันว่าโลกมีได้ด้วยเหตุเพียงเท่าไร พระเจ้าข้าภิกษุ
เพราะจะต้องแตกสลาย
เราจึงกล่าวว่าโลก
ก็อะไรเล่าจะต้องแตกสลาย ?
ภิกษุ
จักษุแตกสลาย รูปแตกสลาย
จักษุวิญญาณแตกสลาย
จักษุสัมผัสแตกสลายแม้สุขเวทนาก็ดี ทุกขเวทนาก็ดี
หรืออทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้น
เพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย ก็แตกสลาย…
ภิกษุ
โสตะแตกสลาย เสียงแตกสลาย
โสตวิญญาณแตกสลาย
โสตสัมผัสแตกสลายแม้สุขเวทนาก็ดี ทุกขเวทนาก็ดี
หรืออทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้น
เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ก็แตกสลาย…
ภิกษุ
ฆานะแตกสลาย กลิ่นแตกสลาย
ฆานวิญญาณแตกสลาย
ฆานสัมผัสแตกสลายแม้สุขเวทนาก็ดี ทุกขเวทนาก็ดี
หรืออทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้น
เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ก็แตกสลาย…
ภิกษุ
ชิวหาแตกสลาย รสแตกสลาย
ชิวหาวิญญาณแตกสลาย
ชิวหาสัมผัสแตกสลายแม้สุขเวทนาก็ดี ทุกขเวทนาก็ดี
หรืออทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้น
เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ก็แตกสลาย…
ภิกษุ
กายแตกสลาย โผฏฐัพพะแตกสลาย
กายวิญญาณแตกสลาย
กายสัมผัสแตกสลายแม้สุขเวทนาก็ดี ทุกขเวทนาก็ดี
หรืออทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้น
เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ก็แตกสลาย…
ภิกษุ
ใจแตกสลาย ธรรมแตกสลาย
มโนวิญญาณแตกสลาย
มโนสัมผัสแตกสลายแม้สุขเวทนาก็ดี ทุกขเวทนาก็ดี
หรืออทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้น
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย ก็แตกสลาย…
ภิกษุ
เพราะจะต้องแตกสลาย
เราจึงกล่าวว่าโลก ดังนี้
( บาลี – สฬา. สํ. ๑๘/๖๔-๖๕/๙๘ )
เทียบเคียงพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ กดที่นี้