พึ่งตน พึ่งธรรม



ทรงตรัสแก่พระอานนท์
ที่เสียใจต่อข่าวการปรินิพพานของพระสารีบุตร

อานนท์
เราได้กล่าวเตือนไว้ก่อนแล้วมิใช่หรือว่า
ความเป็นต่าง ๆ ความพลัดพราก
ความเป็นอย่างอื่นจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ย่อมมี

อานนท์
ข้อนั้นจักได้มาแต่ไหนเล่า

สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว เป็นแล้ว
อันปัจจัยปรุงแล้ว
มีความชำรุดไปเป็นธรรมดา

สิ่งนั้นอย่าชำรุดไปเลย ดังนี้
ข้อนั้นย่อมเป็นฐานะที่มีไม่ได้

อานนท์
เพราะเหตุนั้นในเรื่องนี้

พวกเธอทั้งหลาย
จงมีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ

จงมีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ



อานนท์
ภิกษุมีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ

มีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะนั้น
เป็นอย่างไรเล่า

อานนท์
ภิกษุในธรรมวินัยนี้

ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่
มีความเพียรเผากิเลส
มีสัมปชัญญะ มีสติ
กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย

พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลายอยู่
มีความเพียรเผากิเลส
มีสัมปชัญญะ มีสติ
กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย

พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่
มีความเพียรเผากิเลส
มีสัมปชัญญะ มีสติ
กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย

พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่
มีความเพียรเผากิเลส
มีสัมปชัญญะ มีสติ
กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย

อานนท์
ภิกษุอย่างนี้แล

ชื่อว่ามีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ

มีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ เป็นอยู่



อานนท์
ในกาลบัดนี้ก็ดี
ในกาลล่วงไปแห่งเราก็ดี
ใครก็ตาม

จักต้องมีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ

มีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ

อานนท์
ภิกษุพวกใดเป็นผู้ใคร่ในสิกขา
ภิกษุพวกนั้นจักเป็นผู้
อยู่ในสถานะอันเลิศที่สุดแล


( บาลี – มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๑๖-๒๑๗/๗๓๗-๗๔๐ )
เทียบเคียงพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ กดที่นี้


Create by buddha-quote.com