เพียรละอกุศลแข่งกับความตาย
ภิกษุทั้งหลาย
มรณสติอันบุคคลเจริญแล้ว
กระทำให้มากแล้ว
ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก
หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นที่สุดภิกษุทั้งหลาย
ก็มรณสติอันบุคคลเจริญแล้วอย่างไร
กระทำให้มากแล้วอย่างไร
จึงมีผลมาก มีอานิสงส์มาก
หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นที่สุด
ภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในกรณีนี้
เมื่อกลางวันสิ้นไป กลางคืนเวียนมา
ย่อมพิจารณาดังนี้ว่าปัจจัยแห่งความตายของเรามีมากหนอ คือ
งูอาจฉกเราก็ได้
แมงป่องอาจต่อยเราก็ได้
ตะขาบอาจกัดเราก็ได้
เพราะเหตุนั้นความตายก็จะมีแก่เรา
นั่นเป็นอันตรายของเราเราอาจพลาดล้มลงก็ได้
อาหารที่เราบริโภคแล้วอาจไม่ย่อย
น้ำดีอาจกำเริบ เสมหะอาจกำเริบ
ลมมีพิษดังศาสตราของเราอาจกำเริบ
พวกมนุษย์อาจทำร้ายเรา
พวกอมนุษย์อาจทำร้ายเรา
เพราะเหตุนั้นความตายก็จะมีแก่เรา
นั่นเป็นอันตรายของเรา…
ภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุนั้นพึงพิจารณาดังนี้ว่า
อกุศลธรรมอันเป็นบาป
ที่เรายังละไม่ได้ มีอยู่หรือไม่หนอ
ซึ่งจะทำอันตรายแก่เราผู้ทำกาละลงไปในคืนนี้ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า
อกุศลธรรมอันเป็นบาปที่เรายังละไม่ได้มีอยู่
ภิกษุนั้น พึงกระทำความพอใจ
ความพยายาม ความอุตสาหะ
ความเพียร ความไม่ท้อถอย
สติและสัมปชัญญะอย่างแรงกล้า
เพื่อละอกุศลธรรมอันเป็นบาปเหล่านั้นเสียเปรียบเหมือนคนมีไฟไหม้ที่เสื้อผ้าหรือที่ศีรษะ
เขาพึงกระทำความพอใจ
ความพยายาม ความอุตสาหะ
ความเพียร ความไม่ท้อถอย
สติและสัมปชัญญะอย่างแรงกล้า
เพื่อดับไฟที่ไหม้เสื้อผ้าหรือไหม้ศีรษะนั้นเสีย…
ภิกษุทั้งหลาย
ฉันใดก็ฉันนั้น
ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า
อกุศลธรรมอันเป็นบาปที่เรายังละไม่ได้
ซึ่งจะทำอันตรายแก่เรา ผู้ทำกาละลงไปในคืนนี้ไม่มีภิกษุนั้น
พึงเป็นผู้อยู่ด้วยปีติและปราโมทย์
ตามศึกษาทั้งกลางวันและกลางคืน
ในกุศลธรรมทั้งหลายอยู่
ภิกษุทั้งหลาย
อีกอย่างหนึ่ง ภิกษุในกรณีนี้
เมื่อกลางคืนสิ้นไป กลางวันเวียนมา
ย่อมพิจารณาดังนี้ว่าปัจจัยแห่งความตายของเรามีมากหนอ คือ
งูอาจฉกเราก็ได้
แมงป่องอาจต่อยเราก็ได้
ตะขาบอาจกัดเราก็ได้
เพราะเหตุนั้นความตายก็จะมีแก่เรา
นั่นเป็นอันตรายของเราเราอาจพลาดล้มลงก็ได้
อาหารที่เราบริโภคแล้วอาจไม่ย่อย
น้ำดีอาจกำเริบ เสมหะอาจกำเริบ
ลมมีพิษดังศาสตราของเราอาจกำเริบ
พวกมนุษย์อาจทำร้ายเรา
พวกอมนุษย์อาจทำร้ายเรา
เพราะเหตุนั้นความตายก็จะมีแก่เรา
นั่นเป็นอันตรายของเรา…
ภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุนั้นพึงพิจารณาดังนี้ว่า
อกุศลธรรมอันเป็นบาป
ที่เรายังละไม่ได้ มีอยู่หรือไม่หนอ
ซึ่งจะทำอันตรายแก่เราผู้ทำกาละลงไปในวันนี้ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า
อกุศลธรรมอันเป็นบาปที่เรายังละไม่ได้มีอยู่
ภิกษุนั้น พึงกระทำความพอใจ
ความพยายาม ความอุตสาหะ
ความเพียร ความไม่ท้อถอย
สติและสัมปชัญญะอย่างแรงกล้า
เพื่อละอกุศลธรรมอันเป็นบาปเหล่านั้นเสียเปรียบเหมือนคนมีไฟไหม้ที่เสื้อผ้าหรือที่ศีรษะ
เขาพึงกระทำความพอใจ
ความพยายาม ความอุตสาหะ
ความเพียร ความไม่ท้อถอย
สติและสัมปชัญญะอย่างแรงกล้า
เพื่อดับไฟที่ไหม้เสื้อผ้าหรือไหม้ศีรษะนั้นเสีย…
ภิกษุทั้งหลาย
ฉันใดก็ฉันนั้น
ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า
อกุศลธรรมอันเป็นบาปที่เรายังละไม่ได้
ซึ่งจะทำอันตรายแก่เรา ผู้ทำกาละลงไปในวันนี้ไม่มีภิกษุนั้น
พึงเป็นผู้อยู่ด้วยปีติและปราโมทย์
ตามศึกษาทั้งกลางวันและกลางคืน
ในกุศลธรรมทั้งหลายอยู่
ภิกษุทั้งหลาย
มรณสติอันภิกษุเจริญแล้วอย่างนี้
กระทำให้มากแล้วอย่างนี้
จึงมีผลมาก มีอานิสงส์มาก
หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นที่สุด
( บาลี – อฏฺฐก. อํ. ๒๓/๓๓๐-๓๓๓/๑๗๑)
เทียบเคียงพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ กดที่นี้