อานาปานสติ
วิหารธรรมของตถาคต



ภิกษุทั้งหลาย !
ถ้าพวกปริพาชกเดียรถีย์ลัทธิอื่น
จะพึงถามเธอทั้งหลาย อย่างนี้ว่า

ท่านมีผู้มีอายุ !
พระสมณโคดมทรงอยู่จำพรรษาส่วนมาก
ด้วยวิหารธรรมไหนเล่า ดังนี้

ภิกษุทั้งหลาย !
เมื่อพวกเธอถูกถามอย่างนี้แล้ว
พึงตอบแก่พวกปริพาชกเดียรถีย์ลัทธิอื่นเหล่านั้น

อย่างนี้ว่า

ท่านผู้มีอายุ !
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอยู่ตลอดพรรษากาล
เป็นอันมาก
ด้วยวิหารธรรม คือ

อานาปานสติสมาธิ



ภิกษุทั้งหลาย !
ในกรณีนี้

เราเป็นผู้มีสติหายใจเข้า
มีสติหายใจออก

เมื่อหายใจเข้ายาว
ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้ายาว

เมื่อหายใจออกยาว
ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกยาว

เมื่อหายใจเข้าสั้น
ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้าสั้น

เมื่อหายใจออกสั้น
ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกสั้น



ภิกษุทั้งหลาย !
เมื่อใครผู้ใดจะกล่าวสิ่งใดให้ถูกต้องชอบธรรม

ว่าเป็นอริยวิหารก็ดี
ว่าเป็นพรหมวิหารก็ดี
ว่าเป็นตถาคตวิหารก็ดี

เขาพึงกล่าว
อานาปานสติสมาธิ นี้แหละ

ว่าเป็นอริยวิหาร
ว่าเป็นพรหมวิหาร
ว่าเป็นตถาคตวิหาร

ภิกษุทั้งหลาย !
ภิกษุเหล่าใดยังเป็นเสขะ
ยังไม่ลุถึงธรรมที่ต้องประสงค์แห่งใจ
ปรารถนาอยู่ซึ่งโยคเขมธรรม อันไม่มีอะไรยิ่งกว่า

ภิกษุเหล่านั้น
เมื่อเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว
ซึ่งอานาปานสติสมาธิ ย่อมเป็นไป
เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย

ส่วนภิกษุทั้งหลายเหล่าใดเป็นอรหันต์
สิ้นอาสวะแล้ว มีพรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
มีสิ่งที่ต้องทำอันตนทำเสร็จแล้ว
มีภาระอันปลงลงแล้ว มีประโยชน์ตนอันลุถึงแล้ว
มีสัญโญชน์ในภพทั้งหลายสิ้นรอบแล้ว
เป็นผู้หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ

ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น
เมื่อเจริญทำให้มากแล้ว ซึ่งอานาปานสติสมาธิ
ย่อมเป็นสุขวิหารในทิฏฐธรรมนี้ด้วย
เพื่อความสมบูรณ์แห่งสติสัมปชัญญะด้วย



ภิกษุทั้งหลาย !
ฉะนั้น เมื่อใครจะกล่าวสิ่งใดให้ถูกต้องชอบธรรม

ว่าเป็นอริยวิหารก็ดี
ว่าเป็นพรหมวิหารก็ดี
ว่าเป็นตถาคตวิหารก็ดี

เขาพึงกล่าว
อานาปานสติสมาธิ นี้แหละ

ว่าเป็นอริยวิหาร
ว่าเป็นพรหมวิหาร
ว่าเป็นตถาคตวิหาร ดังนี้


( บาลี – มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๑๒-๔๒๓/๑๓๖๔-๑๓๖๘ )
เทียบเคียงพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ กดที่นี้


Create by buddha-quote.com